ในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน เป็นภาวะที่สินค้าแพงมาก เงินมีค่าน้อยลง ทำให้คนใช้เงินจ่ายสินค้าแพง แต่ได้ของนิดเดียว แม้แต่ผักส่วนใหญ่กำละสิบบาท อาหารบางชนิดที่แม่ค้าทำขายสำเร็จรูปเป็นถุง บางครั้งรับประทานไม่ได้เลย(ย้ำ)บางครั้ง ....มีครั้งหนึ่งอยู่บ้านคนเดียว ไม่อยากทำอาหารรับประทานเอง เดินไปตลาดเดินหลายรอบยังไม่ได้อะไรติดมือกลับบ้าน ทันใดนั้นตัดสินใจซื้อต้มจืด ราคาถุงละสามสิบบาทหิ้วกลับบ้าน พอเปิดเทใส่ถ้วย ต้มจืดกระหล่ำปลี มีหมูบะช่อไม่กี่ชิ้น กระหล่ำปลีซอยเป็นเส้นเอามาต้ม รู้เลยว่าต้มไม่นาน อาหารวันนั้นเททิ้ง... ได้ไปซื้อข้าวผัดราคาสามสิบบาททาน สรุปแล้วอาหารมื้อเย็นในวันนั้นราคาหกสิบบาท เงินหกสิบบาท ถ้าไปซื้อเนื้อหมูมาแกงใส่ผัก จะทำอาหารได้สองมื้อ ในใจขณะนั้นสัญญากับตัวเองเลยว่าต้องทำอาหารรับประทานเองและทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้กับตัวเองและครอบครัว เพราะเสียดายเงินซื้อต้มจืดซื้อมาแล้วเททิ้ง....
เมื่อได้ทำบัญชีรับจ่ายในแต่ละวัน แล้วมาดูตอนเย็นทำให้รู้เลยว่า ตัวเองใช้เงินฟุ่มเฟือยมากใช้เงินแบบไม่ยั้งคิด ยกตัวอย่างกาแฟเย็นแก้วละสามสิบบาทกินทุกวัน สามสิบวันรวมเป็นเงินเก้าร้อยบาทถ้วน ....
บางครั้งอาหารที่บ้านมีตอนเย็นแต่อยากไปเดินเล่นโลตัสช่วง ทุ่มกว่า ๆของออกมาขายลดราคาซื้อกลับบ้านแต่บางครั้งไม่ได้ทานแต่อยากซื้อเพราะมันลดราคา
เมื่อได้เห็นตัวเลขการใช้จ่ายเงินของตัวเอง ในแต่ละวัน ในตอนเย็นทำให้หยุดที่จะซื้อเสียดายเงินมากไปเดินเล่นแต่ไม่ซื้ออะไรเลย,,,เพราะต้องจำกัดการใช้เงินในแต่ละวันไม่หิวโหย...แต่ลดความอยากที่จะซื้อมาทิ้งมาขว้างความเสียดายเงินมีมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น